หลักการพยากรณ์ตลาดหุ้นไม่มีอะไรสลับซับซ้อน กล่าวคือพยายามค้นคว้าหาจุดอิทธิพลที่น่าจะแสดงการขึ้นลงของราคาหุ้นมาใช้
.
โดยเฉพาะคือ NE+KR-JU (แปลว่าเงินเฟ้อ) เพราะมีผลทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้น
.
ส่วน HA มีผลทำให้ราคาหุ้นตกลง แม้จุดอิทธิพล JU+HA-NE ก็มีผลทำให้ราคาหุ้นตกลง
.
ส่วนจุดที่แปลว่า “ตลาดหุ้นในกรุงเทพฯ” นั้นข้าพเจ้าใช้ลัคนารวม 4 ลัคนาด้วยกันคือ
1. ลัคนาของกรุงเทพฯในดวงสงกรานต์ปี
2. ลัคนากรุงเทพฯในดวงวัน Newmoon/Fullmoon
3. ลัคนากรุงเทพฯณเวลาเปิดตลาดหุ้นประจำวัน
4. ลัคนากรุงเทพฯณเวลาปิดตลาดหุ้นประจำวัน
.
จุดลัคนาทั้ง 4 นี้ ทำหน้าที่เป็นจุดเจ้าชะตา
.
วันไหนจุดอิทธิพลที่แสดงถึงราคาหุ้นสูงขึ้นสัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตาดังกล่าวนี้มากกว่า วันนั้นราคาหุ้นก็จะสูงขึ้น หากเป็นกรณีกลับกันก็จะให้ผลตรงกันข้าม
.
การค้นคว้าเริ่มได้ผลใกล้ 100% กล่าวคือสามารถจับจุดได้ว่าพฤติกรรมที่ให้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ก็คือ
.
+ HA หาสัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตาเพียงจุดใดจุดหนึ่ง ราคาหุ้นจะตก
+ JU อาจารย์สัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตาเพียงจุดใดจุดหนึ่ง ราคาหุ้นก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้น
+ ทั้ง JU และ HA สัมพันธ์ถึงจุดเจ้าชะตาจุดใดจุดหนึ่ง ราคาหุ้นจะสูงขึ้น
.
นั่นคือผลที่ได้จากการค้นคว้าซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ปี ทั้งจากโดยอาศัยการคำนวณและเครื่องคอมพิวเตอร์ช่วย
.
สรุปผลการค้นคว้าที่แน่นอนได้ ก็พอดีว่าตลาดหุ้นประเทศไทยประสบวิกฤติอาการอย่างหนักถึงขนาดจะไปไม่รอด เมื่อบริษัทราชาเงินทุนถูกรัฐบาลสั่งล้มในปี 2522
.
ความหวังที่จะกอบโกยกำไรจากตลาดหุ้นจึงพลอยหมดไปด้วย
😑
เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของบทความ - “คอมพิวเตอร์กับวงการโหราศาสตร์ไทย” โดย พลตรี ประยูร พลอารีย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น