วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Wheel of Fortune


ที่ไพ่ Wheel of Fortune เราจะเห็นว่าตรงวงล้อ (ความจริงคือผนึกตราตามคติไสย์ศาสตร์แบบตะวันตก) จะมีตัวอักษร T O R A
.
คำว่า Tora (หรือ Torah) เป็นชื่อคัมภีร์เก่าแก่ของชาวยิว ออกเสียงเป็นภาษาไทยว่า "โทราห์" หมายถึง “บทบัญญัติ” โดยคัมภีร์โทราห์นี้จะประกอบไปด้วยหนังสือ 5 เล่ม ศาสนาคริสต์รับมาใช้ต่อ ก็คือหนังสือ 5 เล่มแรกของคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิม (ปฐมกาล อพยพ เลวีนิติ กันดารวิถี และเฉลยธรรมบัญญัติ)
.
และที่ตัวอักษร T O R A นี้จะมีตัวอักษรฮีบรูสี่ตัวแทรกระอยู่ระหว่างแต่ละตัวอักษร เข้าใจว่าคือชื่อคัมภีร์โทราห์ที่เป็นอักษรฮีบรู คือ תּוֹרָה
.
ท่านผู้รู้อธิบายว่าอักษร T O R A สี่ตัวนี้สามารถเอามาสลับจัดเรียงกันใหม่ ก็จะเกิดคำขึ้นมาอีกหลายคำ เรียงกันไปเรียงกันมาจะได้คำว่า
.
"ROTA TARO ORAT TORA ATOR"

.
ข้อความนี้เป็นภาษาละติน (ใครอยากรู้ว่าออกเสียงเป็นละตินอย่างไรก็ลองก๊อปข้อความนี้ไปแปะใน Google แปลภาษาแล้วกดฟังการออกเสียงนะครับ) แปลเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า
.
“The Wheel of Tarot speaks the law of ATOR”
.
เฉพาะ ATOR (อาเทอร์ หรือ อาเทน) นี้ (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ) เป็นสุริยเทพพระองค์หนึ่งของอียิปต์ที่ถือกันว่าเป็นเทพสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ทำนองเดียวกับพระยาเวห์ของชาวยิว(และศาสนาคริสต์)
.
เทพองค์นี้เกิดจากการที่ในสมัยของฟาโรห์อเมนโฮเตปที่ 4 ต้องการยุบรวมให้ชาวอียิปต์นับถือเพียงพระองค์เดียว จึงได้อวยเทพอาเทนนี้ขึ้นมาเป็นเทพสูงสุดเพียงองค์เดียว (จากนั้นทรงเปลี่ยนพระนามของตัวเองเป็นแอเคนาเทนถวายแด่เทพเจ้าพระองค์นี้ และเป็นการบอกกลายๆกับประชาชนชาวอียิปต์ทั้งปวงว่าเราคือเทพสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวนะจ๊ะ)
.
เพราะฉะนั้นประโยคนี้จึงแปลได้ประมาณว่า "กงล้อแห่งทาโรต์(นี้ได้)บอกกล่าวกฏ(ประกาศิต)แห่งเทพอาเทน”
.
งานนี้มีทั้งยิวทั้งอียิปต์ปนกันมั่วไปหมด -_-
.
ตรงส่วนที่เป็นตรงกลางของวงล้อที่เห็นเป็นซี่ๆ คล้ายซี่ล้อเกวียนนั้น ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ของธาตุ 4 ตามคติของพวกนักเล่นแร่แปรธาตุในยุคกลาง คือปรอท กำมะถัน เกลือ และน้ำ
.
เฉพาะปรอทหรือเมอร์คิวรี่นั้นใช้สัญลักษณ์คือดาวพุธ นักนิยมโหราศาสตร์คงคุ้นตากันดี สังเกตว่าอยู่ตรงก้านที่ชี้ขึ้นไปด้านบนสุด (กำมะถันอยู่ขวา เกลืออยู่ซ้าย และน้ำอยู่ข้างล่างสุด สัญลักษณ์เหมือนราศีกุมภ์)
.
นักเล่นแร่แปรธาตุในยุคกลางนั้นถือว่าโลกของเราประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง 4 คือปรอท กำมะถัน เกลือ และน้ำ ทำนองความชื่อเรื่องโลกธาตุประกอบไปด้วยไฟ ดิน ลม น้ำ ที่เราคุ้นเคยกันดี นอกจากนี้สัญลักษณ์ของปรอท กำมะถัน เกลือ และน้ำ ที่ว่านี้ยังมีนัยยะถึงตำแหน่งสำคัญทางโหราศาสตร์ คือจุดสงกรานต์ทั้ง 4 ในรอบ 1 ปีอีกด้วย
.
กงล้อนี้จึงมีความหมายถึง “ความเป็นไปบนโลกนี้ซึ่งย่อมเป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้าสูงสุด”
.
บร๊ะ … ฟังดูยิ่งใหญ่ชมัด
.
ที่รอบๆ วงล้อทาโรต์นี่มีอมนุษย์รายล้อมอยู่ 3 ตนคือ สฟิงซ์ อนูบิส และงู(คือเทพเซ็ตของอียิปต์)
.
สฟิงซ์นั้นเป็นอสูรครึ่งคน ตัวเป็นสิงโตแต่หัวเป็นคน ในตำนานกรีกสฟิงซ์มีใบหน้าและช่วงอกเป็นหญิงสาวมีปีกแบบนกอินทรีย์และสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ โดยสฟิงซ์จะคอยถามคำถามกับมนุษย์ที่หลงมาพบมันเข้า หากตอบไม่ได้ก็จะมันจับกินเสีย ส่วนสฟิงซ์ของอียิปต์โบราณนั้นไม่มีปีกและมีหน้าเป็นมนุษย์ผู้ชาย
.
ส่วนสฟิงซ์บนหน้าไพ่นี้คงเป็นสฟิงซ์ลูกครึ่ง กรีก-อียิปต์ เพราะปรากฏว่าเป็นผู้หญิง(มีนม)แบบกรีกและไม่มีปีกแบบอียิปต์ แถมยังถือดาบเอาไว้อีกด้วย
.
สฟิงซ์จึงเป็นตัวแทนของปัญญาอันลุ่มลึกเฉียบคม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังหมายถึงความกำแหงในปัญญาของตน อันจะเป็นเหตุนำไปสู่ความตายได้ด้วย เพราะในตำนานกรีกนั้นสฟิงซ์ตอบคำถามแพ้คน เกิดรับไม่ได้เลยบินไปโหม่งโลกตาย
.
ต่อมาคือ อนูบิส เป็นโอรสของเทวีเนฟทิส และเทพเซต มีศีรษะเป็นหมาไนสีดำส่วนตัวเป็นมนุษย์ ความเชื่อของชาวอียิปต์ถือว่าอนูบิสเป็นผู้ช่วยในการชั่งวิญญาณ โดยมีขนนกเป็นเครื่องวัด ถ้าขนนกเอนขึ้นแปลว่ามีความเลวมากแต่ถ้าขนนกเอนลงถือว่ามีความดีมาก หากวิญญาณนั้นบริสุทธิ์ก็จะได้เข้าเฝ้าเทพโอซิริสเพื่อไปสู่ในโลกแห่งวิญญาณใหม่ หากไม่บริสุทธิ์จะถูกลงโทษอย่างโหดร้าย
.
ส่วนงูนั้นคือ เทพเซต เป็นเทพอียิปต์เช่นกัน เทพแห่งความแห้งแล้ง พายุ ทะเลทราย ความวุ่นวาย ชั่วร้าย โหดเหี้ยม และสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง คติอียิปต์แท้ๆนั้นเทพเซตมีร่างกายเป็นคนแต่มีส่วนศีรษะนั่นบางทีก็ว่าเป็นหนู บางทีว่าเป็นหมาป่าแล้วแต่ยุคสมัย
.
นอกจากนี้รูปงูนี้ยังมีนัยยะถึงซาตานในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมอีกด้วย
.
มีคำอธิบายไว้ว่า สฟิงซ์ อนูบิส และงู(เซต) นี้เป็นตัวแทนของ ปัญญา ความตาย และการเกิดใหม่(งูคือการเกิดใหม่เพราะงูลอกคราบคล้ายกับการเกิดใหม่) จะมองในลักษณะของวัฏจักรเกิดดับที่ไม่มีที่สุดก็น่าจะพอได้
.
และที่มุมทั้ง 4 ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบด้านนอกสุดจะเห็นทูตสวรรค์ 4 ตน (รู้ว่าเป็นทูตสวรรค์เพราะล้วนมีปีกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทวดา) ในรูปของมนุษย์ นกเหยี่ยว วัว และสิงโต
.
มีผู้รู้อธิบายวว่าทูตสวรรค์ทั้ง 4 นี้เป็นตัวแทนธาตุทั้ง 4 หรือสถิรราศีทั้ง 4 หรือนักบุญทั้ง 4 ท่านที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเขียนคัมภีร์ไบเบิ้ลขึ้นมา ซึ่งจะประกอบไปด้วย
.
ซ้ายบน รูปคน(ทูตสวรรค์) ตัวแทนธาตุลม ราศีกุมภ์ หรือนักบุญแมททิว
.
ขวาบน รูปเหยี่ยว ตัวแทนธาตุน้ำ ราศีพิจิก หรือนักบุญยอน
.
ซ้ายล่าง รูปวัวกระทิง ตัวแทนธาตุดิน ราศีพฤศภ หรือนักบุญลูกา
.
ขวาล่าง รูปสิงโต ตัวแทนธาตุไฟ ราศีสิงห์ หรือนักบุญมารโก
.
(มียิว มีอียิปต์ มีคริสต์ ปนกันมั่วไปหมดตามสไตล์พวกลัทธิกางเขนกุหลาบหรือรุ่งอรุณแสงทอง แหล่งต้นตำรับของไพ่ทาโรต์ -_- )
.
เมื่อพูดถึงไพ่ Wheel of Fortune โดยส่วนมากจะมองไปในทางที่ดี ในบ้านเรามักเรียกกันว่า กงล้อแห่งโชคลาภ หรือกงล้อมหาสมบัติเพราะ Fortune นั้นแปลกันตรงๆ ก็คือโชคลาภหรือสมบัติ
.
แต่ถ้าเราพิจารนาในแง่องค์ประกอบของภาพบนหน้าไพ่ก็จะพบว่ามันไม่น่าจะดีหมดเสียทีเดียว เพราะอย่างน้อย สฟิงซ์ อนูบิส และเซต ที่อยู่ล้อมรอบวงล้อนี่ก็มีแต่ร้ายๆ ทั้งนั้น เอาถึงตายทุกตัว เพราะฉะนั้นบางสำนักจึงแบ่งรับแบ่งสู้ มองว่าดีแต่อย่าประมาท
.
เพราะถ้าเผลอมัวเมาไปกับโชคลาภนี้แล้ว สฟิงซ์ อนูบิส และเซต ที่รอท่าอยู่ก็จะเข้าเล่นงานให้ชิบหายวายป่วงได้ในทันทีเช่นกัน
.
แต่บางสำนักมองว่า สฟิงซ์ อนูบิส และเซต คือตัวแทนของการตายแล้วเกิดใหม่ ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ประเภทจนๆอยู่วันก่อนมาวันนี้ขับปอร์เช่เสียแล้วอย่างกับคนล่ะคน อะไรทำนองนั้น
.
หรือบางสำนักไปจับอารมณ์ที่คำว่า “กงล้อ” เลยให้น้ำหนักไปทางวัฏจักรการขึ้นลงของโชคลาภในชีวิต ประเภทที่ว่าถ้าชีวิตโชคดีมาตลอดเดี๋ยวจะเริ่มขาลงกลายเป็นโชคร้าย หรือถ้ามันแย่มาตลอดเดี๋ยวจะกลายเป็นขาขึ้นเป็นยุครุ่งเรือง อะไรประมาณนั้น
.
ทั้งหมดที่เขียนมานี้เป็นเรื่องสนุกๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในไพ่ Wheel of Fortune ที่คุณพาเมล่า โคลแมน สมิธ ได้ออกแบบไว้เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว ส่วนเรื่องคำพยากรณ์นั้นจะใช้กันแบบไหนอันนี้บอกตรงๆ ว่าแล้วแต่ทุกท่านจะวินิจฉัยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น