วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566

อธิบายเรื่อง Tree of Life แบบง่ายๆ (ตอนที่ 3)

ศาสนิกชาวคริสต์ไม่ได้นับถือพระเยซูในฐานะของศาสดาแต่เพียงอย่างเดียว หากได้ยังนับถือพระเยซูในฐานะของ “พระเจ้า” เสียเลยทีเดียวอีกด้วย เพราะแท้จริงแล้วทั้งพระเยซูและพระยาห์เวห์ คือหนึ่งเดียวกัน 

หากบอกว่าพระยาเวห์คือพระเจ้าบนสรวงสวรรค์แล้ว พระเยซูก็คือพระเจ้าซึ่งมาปรากฏกายบนโลกมนุษย์ 

สำหรับเรื่องนี้ถ้าเราไปเอาแนวคิดเรื่อง “อวตาร” ของศาสนาฮินดู (สนาตนธรรม) มาเปรียบเทียบอธิบายก็คงเข้าใจกันได้ไม่ยากนัก ต่างกันตรงที่อวตารของฮินดูนั้นแม้จะมีต้นกำเนิดมาจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ก็ไม่ได้ถือว่าอวตารนั้นเป็นพระผู้เป็นเจ้าเองเสียทีเดียว

ดังเช่นตอนหนึ่งในเรื่องมหาภารตะ ที่พระพลราม (บัลราม) ตำหนิพระกฤษณะ (ที่ไปยุให้ภีมะเล่นนอกเกมโดยเอาคฑาไปตีสะโพกทุรโยธน์ในการประลองซึ่งถือว่าเสียเกียรติเป็นอย่างมาก) ​ว่า “เราขอตำหนิท่านในการกระทำที่น่าอัปยศอดสูนี้ เพราะถึงแม้นท่านจะเป็นองค์อวตารของพระวิษณุเจ้า แต่บัดนี้ท่านก็คือกฤษณะน้องของเรา”

ส่วนทางคริสเตียนนั้นยังคงถือว่าพระเยซูกับพระยาห์เวห์เป็นหนึ่งเดียวกันแยกออกจากกันมิได้ เช่นถ้าใครตำหนิพระเยซูนั่นก็หมายถึงว่าเขากำลังตำหนิพระยาห์เวห์โดยตรงกันเลยทีเดียว 

เรื่องนี้มีเกร็ดเล่ากันสนุกๆ ว่าครั้งหนึ่งในงานสังคายนาแห่งหนึ่งเคยมีนักบวชท่านหนึ่งแสดงความคิดเห็นโต้แย้งในเรื่องนี้ โดยเสนอความเห็นว่าพระเยซูกับพระยาห์เวห์นั้นควรเป็นคนละสิ่งกัน แยกขาดออกจากกัน ทันใดนั้นเซนต์นิโคลัสหรือที่พวกเรารู้จักกันดีในนามของซานตาคลอสนั่นแหละ ถึงกับหัวร้อนลุกขึ้นมาตกปากคนพูดกันเลยทีเดียว เพราะถือว่าพูดกันอย่างนี้เป็นการลบหลู่มาก 

ดังนั้นพระเยซูจึงอยู่ในฐานะพระเจ้าผู้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ 

ถ้าเราพิจารณาที่เสาต้นกลาง (เสาแห่ง Mildness) เราจะพบกับสภาวะ Tiphareth (ความกลมกลืน ความเสียสละ) สถิตอยู่กลางเสา ที่ตำแหน่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตำแหน่งของพระเจ้า คำว่าพระเจ้าในที่นี้ก็คือพระเยซูนั่นแหละ

สูงขึ้นไปจะเป็นสภาวะ Kether หรือมงกุฏแห่งกษัตริย์  ส่วนเบื้องล่างสุดปลายทางนั้นเป็นสภาวะ Malkuth หรือความมั่งคั่ง มั่นคง อาณาจักร โดยมี Yesod หรือ ยุ้งฉาง การเก็บสะสม ขั้นกลางเอาไว้อีกทีระหว่าง Malkuth กับ Tiphareth

หาก Tiphareth เปรียบดั่งพระเยซู สูงขึ้นไปคือ Kether ก็คือพระยาห์เวห์หรือสรวงสวรรค์ ส่วน Malkuth ด้านล่างก็คือโลกมนุษย์ Tiphareth จึงเป็นจุดที่มาบรรจบกันระหว่างสวรรค์และโลก

ในความเชื่อของชาวคริสต์ ทุกสรรพสิ่งย่อมเกิดขึ้นตามประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า Kether ซึ่งเป็นสภาวะแห่งการก่อกำเนิด จึงเป็นตัวแทนโดยตรงของพระพระยาห์เวห์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นตัวแทนของพระประสงค์

เมื่อสรรพสิ่งเกิดขึ้นล้วนบริสุทธิ์ เฉกเช่นเดียวกับเด็กทารกที่ยังมิรู้จักดีชั่ว Kether จึงเป็นตัวแทนของการก่อกำเนิด ความบริสุทธิ์ไร้มลทิน เป็นสภาวะแห่งนามธรรมซึ่งมนุษย์กิเลสหนาอย่างพวกเราเข้าใจได้ยาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งนี้มีอยู่จริง และได้เกิดขึ้นมาแล้ว

Kether จึงเป็นสภาวะแรก เป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมด ก่อนที่จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาวะอื่นต่อไป จาก Kether จะกลายเป็น Chockmah (หยาง) หรือ Binah (หยิน) ก็ได้ หรือจะมุ่งตรงมายัง Tiphareth (ไทจี๋/สมดุลย์) เลยก็ได้

ตรงข้ามกับ Kether โดยสิ้นเชิงก็คือ Malkuth เพราะ Malkuth เป็นภาวะแห่งรูปธรรมโดยแท้ จับต้องได้ สัมผัสได้ รับรู้ได้ถึงการมีอยู่อย่างชัดเจน เป็นจุดสิ้นสุด เป็นความเต็มเปี่ยมที่ไม่สามารถเอาอะไรเติมเข้าไปได้อีกแล้ว 

ถ้า Kether คือเรื่องโลกุตตระ Malkuth ก็คงเป็นเรื่องทางโลกียะแท้ๆ 

สำหรับ Yesod นั้นอยู่ตรงกลางระหว่าง Tiphareth กับ Malkuth โดย Yesod เป็นสภาวะของการเก็บสะสม กักตุน เปรียบได้ดั่งยุ้งฉางหรือคลังมหาสมบัติ ถ้าจะพูดหรืออธิบายกันอย่างแรงๆ อาจจะบอกว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่า “กิเลส” คงจะพอได้ (แม้จะไม่ถูกต้องนะแต่ก็น่าจะช่วยทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น)

หาก Tiphareth ร่วงหล่นลงมาแล้วมาพบเข้ากับ Yesod ก็จะเสียความเป็นสภาวะแห่งพระเจ้าไป โดยมุ่งหน้าตรงไปสู่ Malkuth โลกแห่งวัตถุ ถ้า Yesod เก็บสะสมได้มากพอท้ายที่สุดมันก็จะกลายเป็นความมั่งคั่งหรือ Malkuth นั่นเอง

แต่ถ้า Tiphareth เกิดเบื่อหน่ายทางโลก หนีจากข้างล่างกลับขึ้นไปข้างบนท้ายที่สุดก็ย่อมกลับคืนสู่ภาวะต้นกำเนิด หรือกลับคืนสู่สรวงสวรรค์อันเป็นที่สถิตของพระบิดานั่นเอง 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น