ถ้าใครพอมีความรู้เรื่องการดูกราฟเทรดหุ้นบ้าง เทรดคริปโตบ้างอะไรบ้างก็น่าจะพอนึกภาพตามออก
สมมุติดวงชะตาคนเป็นกราฟราคาในตลาดนะ เราก็จะพบว่าเดี๋ยวมันขึ้นเดี๋ยวมันลง แดงๆเขียวๆ ภาษาเซียนเขาบอกเดี๋ยวหมี(ตก)เดี๋ยวกระทิง(ขึ้น)
ไอ้ความขึ้นๆ ลงๆ ไม่มั่งคงของราคานี่ เหมือนความรู้สึกไม่ค่อยมั่นคงในชีวิตของคน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวสุขเดียวทุกข์ มันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตบ้าง มันก็เลยเป็นธรรมดาที่คนเราย่อมที่จะอยากรู้ล่วงหน้าว่าต่อไปภายภาคหน้าชีวิตฉันจะเป็นอย่างไร? จะขึ้นหรือลงจะสุขหรือทุกข์?
ใครรู้ตรงนี้ได้ คาดการณ์ตรงนี้ถูกก็จะได้ประโยชน์ ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
คนในวงการเทรดเลยมักพูดกันว่า "รู้อะไรไม่สู้รู้งี้" 😑
ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครรู้หรอก บ่นไปอย่างนั้นแหละ
แต่ก็อยากรู้แหละ ห้ามกันไม่ได้
สุดท้ายก็เลยมีคนพยามหาอะไรต่างๆ มาพยายามคาดการณ์ทิศทางของอนาคต มันก็เลยเกิดเป็นวิชาอ่านแท่งกร๊าฟบ้าง ตีเส้นเทรนไลน์วัดฟีโบ รวมไปถึงสารพัดอินดิเคเตอร์ต่างๆ ทั้งหมดถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวกัน
นั่นก็คือการคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต "อย่างแม่นยำ"
(ในโลกของความเป็นจริง เราจะพบว่าการคาดการณ์ถึงอนาคตนั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการหรือเทคนิคใดๆ ต่างก็ต้องใช้ข้อมูลย้อนหลังเป็นต้นทุนในการหาคำตอบทั้งสิ้น สำหรับโหราศาสตร์ก็ไม่หนีกัน)
แต่ไม่ว่าความรู้หรือเทคโนโลยีมากมายมหาศาลจะถูกถมลงไปมากขนาดไหนก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อเถอะว่าสิ่งที่นักเทรดทั้งหลายยังคงต้องเจอมันหลอกหลอนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือการ "ทายวืด" 😑
คือสัญญาณอะไรต่อมิอะไรล้วนชี้วัดว่าราคามันจะต้องไปทางหนึ่ง แต่พอถึงเวลาจริงๆ เสือกพุ่งไปอีกทางหน้าตาเฉย
เรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องปรกติ (เพราะถ้าจะมีอะไรซักอย่างที่ทายแม่นขนาดนั้นเราคงรวยกันทั้งโลกแล้ว)
ในวิชาโหราศาสตร์ความจริงก็ไม่ต่างกัน บางครั้งเมื่อหลักเกณฑ์หรือข้อชี้วัดต่างๆ เช่นตำแหน่งดาว โครงสร้างพระเคราะห์สนธิ หรือโยคเกณฑ์ต่างๆ มันชี้คำพยากรณ์ไปในทางหนึ่งอย่างชัดเจน แต่พอมันเอาเข้าจริงๆ ดันกลายเป็นอย่างไปซะได้
เอาจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด นักพยากรณ์ทุกคนถ้าไม่หลอกตัวเองก็ต้องเจอกันบ้างเป็นเรื่องปรกติ จะบ่อยมากน้อยขนาดไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง
การพยามอัพเดทวิชาโหราศาสตร์ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งจำเป็น แทบจะเป็นงานประจำของนักโหราศาสตร์ทุกคนเลยก็ว่าได้
บางคนหาคำตอบจากคัมภีร์โบราณ บางคนก็พยามสร้างวิธีการใหม่ๆ ขึ้นมา ก็ว่ากันไปไม่มีผิดถูก เพราะสุดท้ายแล้ว "ความแม่น" (ที่สุดเท่าที่จะทำได้) คือเป้าหมายสำคัญที่สุดที่นักพยากรณ์ทุกต้องการ
ส่วนแม่นแล้วจะยังไงกันต่อ จะได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนี้บ้าง นั่นอีกเรื่องหนึ่ง คนล่ะประเด็นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น