วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

อย่าประมาทในการแสวงหาความรู้

หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นตำราโหราศาสตร์เล่มแรกๆ ที่ซื้อมาอ่าน ก็ซื้อมาจากร้านเขษมบรรณกิจเจ้าเก่านั่นแหละ สมัยนั้นยังอยู่ที่เวิ้ง

มาคิดดูว่าทำไมตอนนั้นถึงหน้ามืดหยิบเล่มนี้มาทั้งที่หนังสืออื่นมีเต็มร้าน บอกตรงๆ ว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันนานมากจนจำไม่ได้แล้ว แต่ความที่สมัยนั้นไม่มีพื้นฐานโหราศาสตร์อะไรซักนิดเดียวเลย แล้วมาเจอตำราฮาร์ทคอร์แบบนี้ เล่มนี้ก็เลยเก็บขึ้นหิ้งไปนัยแต่บัดนั้นมา

มาตอนนี้ กำลังหัดเรียนเขียนโปรแกรมภาษา Python (หลังจากที่เคยม้วนเสื่อไปกับภาษา Java เมื่อหลายปีก่อน 😑 ) เรียนไปเรียนมามันไม่มีโจทย์ให้ฝึกน่ะซิ จะนั่งเขียนโปรแกรมบัญชีบวกลบเลขแบบชาวบ้านก็น่าเบื่อชมัด อยู่ดีๆ ก็นึกถึงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา 

นี่แหละ ในนี้แหละ มีให้ทำโจทย์บานตะเกียงแน่ๆ

จากหนังสือที่แทบไม่ได้หยิบมาอ่านเลยก็เลยกลายเป็นหนังสือที่ต้องเปิดพลิกไปพลิกมาบ่อยมากที่สุดไป

สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ก็บังเกิดประโยชน์สูงสุดขึ้นมา เมื่อถึงวาระเหมาะสมของมัน

เหมือนสรรพวิชาต่างๆ นั่นแหละ ถ้าสะดวกและมีโอกาสก็เรียนไปเถอะ วันนี้ไม่มีประโยชน์แต่อนาคตไม่แน่ อาจชี้เป็นชี้ตายแก่ชีวิตเราได้ใครจะไปรู้

เคยอ่านมาว่า สตีฟจ๊อป ศาสดาของศาสนาแอปเปิ้ลผู้ล่วงลับไปแล้ว สมัยเด็กนั้นจนมาก แม้มีโอกาสได้เรียนมหาลัยแต่ก็ไม่มีเงินไปเสียค่าหน่วยกิตวิชาที่อยากเรียน 

สุดท้ายไปเรียนวิชาออกแบบช่องไฟตัวอักษรสำหรับเรียงพิมพ์อะไรก็ไม่รู้ที่คนไม่ค่อยเรียนกัน เพราะค่าเรียนมันถูกที่สุดจนพอจะจ่ายไหว เรียนไปทำไมก็ไม่รู้ แต่ก็เรียนไปตามโอกาสอำนวย

ปรากฏว่าความรู้อันนี้แหละ ที่จะเป็นพื้นฐานการพัฒนาภาษา postscript ของจ๊อบในอนาคตข้างหน้า ซึ่ง postscript นี้มีความสำคัญมากต่องานสิ่งพิมพ์ดิจิตอล ทำให้แอปเปิ้ลนั้นผูกขาดวงการสิ่งพิมพ์ดิจิตอลอยู่นานมากๆ และสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับจ๊อบด้วยอย่างแน่นอน

จากของไร้ราคาที่ไม่มีใครต้องการก็เป็นจุดกำเนิดของความสำเร็จอย่างมหาศาลเสียอย่างนั้น

คนเราไม่มีใครรู้อนาคต แม้แต่หมอดูก็ไม่รู้ เชื่อผมเถอะ 555555 

ถึงรู้ก็รู้กว้างๆ รู้แบบเบลอๆ ไม่ได้รู้รายละเอียดชนิดว่าพรุ่งนี้จะกินข้าวกับอะไร อร่อยหรือเปล่า

ดังนั้นเกิดเป็นคน อย่าประมาทในการแสวงหาความรู้ วันนี้ยังไม่มีค่า แต่วันหน้าอาจได้เพิ่งพาเอาตัวรอด

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564

วสันตฤดู

วันนี้ (20/03/2564) วัน "วสันตวิษุวัต" (Vernal Equinox) เป็นตำแหน่งเช็คพอยท์ที่สำคัญวันหนึ่งของโหราศาสตร์ เพราะเป็นวันที่อาทิตย์ยกเข้าราศีเมษตามปฏิทินระบบสากล(สายนะ) โดยกลางวันกับกลางคือของวันนี้มีเวลาเท่ากันพอดีเป๊ะ

ถือว่าวันนี้เป็นจึดเริ่มต้นของฤดูใบไม่ผลิ

เคยมีคนถามว่าทำไมจึงเรียกว่าจึงตั้งชื่อว่า "วสันต" เพราะอย่างที่เราคุ้นเคยกันว่า วสันต์ มันแปลว่าฝน?

เรื่องนี้สรุปง่ายๆ ว่าเกิดจากความสับสน

คือการแบ่งฤดูในแต่ปีของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะภูมิอากาศท้องถิ่น ก็อาจแบ่งเป็น ๒ ฤดู ๓ ฤดู ๔ ฤดู หรือ ๖ ฤดู ก็ได้ตามเหมาะสม

สำหรับฤดูกาลสากล หรือฤดูกาลของโลกนั้นท่านแบ่งออกเป็น 4 ฤดูคือ

  • ฤดูหนาว (เหมันตฤดู) 
  • ฤดูใบไม้ผลิ (วสันตฤดู) 
  • ฤดูร้อน (คิมหันตฤดู) 
  • และฤดูใบไม้ร่วง (สารทฤดู) 


คำว่า วสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) ก็คือมาจากคำว่า วสันตฤดู นี้เอง

สำหรับประเทศไทย เราแบ่งฤดูออกเป็น ๓ ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว (หรืออาจจะแบ่งเป็น ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนชิบหาย ก็ได้แล้วแต่เหมาะสม)

หากเรียกชื่อฤดูเหล่านี้ด้วยคำบาลีสันสกฤต ก็จะเรียกได้ว่า 

  • คิมหันตฤดู (อ่านว่า คิม-หัน-ตะ-รึ-ดู) คือ ฤดูร้อน
  • เหมันตฤดู (อ่านว่า เห-มัน-ตะ-รึ-ดู) คือ ฤดูหนาว
  • วัสสาน (อ่านว่า วัด-สา-นะ) คือ ฤดูฝน


ดังนั้นถ้าจะเรียกฤดูฝนให้ถูกตามรูปศัพท์ ท่านว่าต้องใช้ว่า วัสสานฤดู (อ่านว่า วัด-สา-นะ-รึ-ดู)

แต่เราก็ทั้งเรียกทั้งเขียนว่า วสันตฤดู (หรือ วสันต์ แปลว่าฝน) กันจนชินปาก

ดูนักร้องขวัญใจจิ๋กโก๋โบราณอย่างพี่น้อง อัสนี-วสันต์ ก็ได้ ชื่อนั้นท่านว่าคนหนึ่งสายฟ้าคนหนึ่งสายฝน ก็คือความเข้าใจผิดของคนสมัยก่อน เนิร์ดๆหน่อยซีเรียสต้องเขียนว่า วัสสาน ถึงจะถูก

วันพุธที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2564

แปลค่าสายนะและนิรายนะ

ด้วยเหตุผลของค่าอายนางศ์ ทำให้ตำแหน่งดาวในระบบสายนะวิ่งนำหน้าระบบนิรายะเสมอ โดยค่าความต่างอยู่ที่ประมาณ 22:49:29 (คิดง่ายๆ ว่า 23 องศาก็ได้)

ดังนั้นถ้าจะแปลงดาวสายนะเป็นนิรายนะ ต้องเอาองศาดาวสายนะตั้งแล้วเอา 22:49:29 ไปลบ

เช่นอาทิตย์นิรายนะอยู่ 71:34:23 (ราศีเมถุน) แปลเป็นนิรายนะคือ

71:34:23 - 22:49:29 = 48:44:54

แต่ถ้าจะแปลงจากนิรายนะเป็นสายนะ ต้องเอาดาวนิรายนะตั้งแล้วเอา 22:49:29 ไปบวก

เช่นอาทิตย์นิรายนะอยู่ 48:44:54 (ราศีพฤษภ) แปลเป็นสายนะคือ

48:44:54 +  22:49:29 = 71:34:23

เป็นต้น

ในกรณีของราหู และเกตุ(ไทย) นั้นต้องทำกลับกัน เพราะราหูกับเกตุมันวิ่งถอยหลังไม่เหมือนชาวบ้าน

สายนะเป็นนิรายนะต้อง + แต่นิรายนะเป็นสายนะต้อง - 


วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2564

ดวงครูจริงๆ ระดับเจ้าของโรงเรียนด้วย

ก็ยังคงอยู่กับดวงเดิมต่อไป ตั้งขึ้นมาแล้วจะลบทิ้งง่ายๆ ก็เสียดาย มองๆ ไปดวงนี้ก็น่าสนใจดีมีอะไรให้อ่านเยอะแยะก็เหมาะสมที่จะเอามาเป็นดวงครูเป็นอย่างยิ่ง 

หมายเหตุ - วิธีการอ่านอย่างนี้เป็นวิธีการประยุกต์ ซึ่งไม่ใช่วิธีการแบบดั้งเดิม จึงอาจแปลกหูแปลกตาสักหน่อยสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย 

ดวงนี้ลัคน์กุมเสาร์ ถ้าเรามองว่าลัคน์คือตัวตน คือจุดเจ้าชะตาที่สำคัญที่สุดในดวงชะตาแบบราศีจักร ก็คือเจ้าชะตา(ลัคน์)เป็นคนมีความอดทน(เสาร์) แต่อาจติดไปทางหยาบกระด้าง ไม่อ่อนหวาน ดาวเสาร์นี้สำหรับสากลยังหมายถึงอาชีพครูได้ด้วยเพราะเสาร์คือการเรียนการสอน(ซึ่งต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก) แหล่งต้นทางว่าเจ้าชะตาเป็นถึงเจ้าของโรงเรียนพื้นเพก็คงเป็นครูมาก่อน ก็สอดคล้องกันดีกับการที่มีลัคน์เสาร์ร่วมกัน

แต่เจ้าเรือนลัคน์เป็นเนปจูน เจ้าชะตาจึงมีนิสัยช่างฝัน มีอารมณ์ศิลปิน ติสส์ตัวแม่ ในทางร้ายคือโลเลเอาแน่นอนไม่ได้

หรือถ้าเรามองลัคน์แบบสากลหน่อย ลัคน์ก็คือสิ่งแวดล้อมใกล้ชิดชีวิตประจำวัน ดังนั้นลัคน์ร่วมเสาร์ก็ต้องเป็นที่กันดารหน่อย ต้องอยู่ใกลๆ ตัวเมือง หรือถ้ามองว่าเสาร์คือโรงเรียนก็จบไป

เรือน 2 คือเรือนการกิน คือการรายได้มาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มีจันทร์สถิตอยู่ ดวงจันทร์นี้สากลท่านว่าคือคนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังหมายถึงความไม่แน่นอน เพราะดวงจันทร์เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด ปิดๆเปิดๆเป็นเทอมๆ ไป ถ้าคิดกันอย่างนี้มาเป็นเจ้าของโรงเรียนก็เข้าท่าดี มีรายได้เป็นเทอมๆไป อีกทั้งจันทร์นี้เป็นเจ้าเรือน 5 ปุตตะ นอกจากจะหมายถึงลูกเต้าตัวเองแล้วยังหมายถึงเด็กๆ ได้ด้วย กดุมพะ+ปุตตะ คือมีรายได้จากเด็กๆ ในที่นี้ก็คือนักเรียนในโรงเรียนของตัวเองนั่นเอง

เจ้าเรือน 2 คือดาวพลูโต ไปอยู่ที่เรือน 4 คือบ้าน ที่พักอาศัย ที่ซุกหัวนอน ชะรอยจะกินอยู่ในบ้านพักครูของโรงเรียนตัวเองนั่นแหละ ถ้าเอาข้อมูลตรงนี้ไปปะติดปะต่อกับเรื่องลัคน์เสาร์ อาจทายว่าโรงที่เจ้าชะตาเป็นเจ้าของอาจจะอยู่ใกลตัวเมืองซักหน่อย ทำให้ตัวเจ้าชะตาเองก็ต้องกินนอนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ แบบนี้ก็คงจะพอได้

ต่อไปคือเรือน 3 เรือนของพี่น้องเครือญาติรวมไปถึงการติดต่อสื่อสารกัน จะเห็นว่ามีราหูสถิต ตามธรรมดาของคติโหรตะวันออกนั้นไม่ชอบราหูเอาเสียเลย อารมณ์เหมือนยูเรเนี่ยนไม่ชอบฮาเดส เพราะถือราหูคืออสูรแท้ๆ เป็นเพียวบาปเคราะห์ เป็นตัวแทนของความมัวเมาขลาดเขลา ไปอยู่กับใครตรงไหน ตรงนั้นย่อมชิบหายวายป่วยถูกเบียดเบียนหนัก กรณีนี้มาอยู่เรือน 3 ถามว่าญาติพี่น้องเพื่อฝูงดีหรือไม่ก็คงไม่ มีแต่จะมาเบียดเบียนให้ต้องลำบากกันเสียมากกว่า

แต่ถ้าเรามองราหูแบบสากลหน่อย ราหูคือจิตผูกพันธ์ คือบ่วงคล้องแบบตัดกันไม่ขาด ราหูเรือน 3 คือมีจิตผูกพันอยู่กับมิตรสหายเหลือญาติพี่น้อง ตัดกันไม่ขาด เพราะฉะนั้นคนแบบนี้ถ้ามีเพื่อนมีญาติมาให้ช่วยก็คงไม่กล้าปฏิเสธ

ที่ว่าเดือนร้อนด้วยคนรอบตัวนี้ที่จริงก็ไม่ขัดกันทั้งไทยหรือสากล แล้วแต่จะเพ่งโฟกัสไปจุดไหนมากกว่า ถามว่าราหูตัวมัวเมาตัดไม่ขาดนี้มาจากไหน ก็มาจากเรือน 4 เพราะดวงนี้ราหูเป็นเจ้าเรือน 4 สหัชชะก็คือบ้านและครอบครัวนั่นเอง

เรือน 3+4 ก็คือชีวิตส่วนตัว(บ้าน)และการเข้าสังคม(เพื่อนฝูงญาติมิตร)เชื่อมต่อเป็นเนื้อเดียวกัน ลักษณะอย่างนี้ชีวืตวุ่นวาย ไม่ค่อยมีควาเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ มีคนเข้าๆออกๆบ้านอยู่เสมอ

ต่อมาคือเรือน 4 บ้านและสวน เอ๊ยบ้านและครอบครัว จะเห็นว่ามีทั้งเนปจูน(สมุทรเทพ) ทั้งพลูโต(ยมเทพ) มีแต่พิภพบาดาลทั้งนั้น ดาวร้ายทั้ง 2 นี้ล้วนสร้างความเดือดร้อนมาให้กับชีวิตครอบครัว ถ้าเรามองในแง่บุคลิกภาพ เนปจูนคืออารมณ์ศิลปิน แปรปวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ส่วนพลูโตคือการเผด็จการ เฉพาะเนปจูนนี้คือเจ้าเรือนลัคน์คือบุคลิกภาพของเจ้าชะตาโดยตรง ยิ่งดวงนี้มีเสาร์หยาบกระด้างกุมลันค์ด้วย มองรวมๆ อย่างนี้พอนึกออกว่าอยู่บ้านต้องมีเรื่องชวนให้ปวดหัวกันประมาณไหน ยิ่งฝั่งตรงข้ามมีอังคารกับมฤตยูซึ่งเป็นดาวรุนแรงทั้งคู่เล็งอยู่ ยิ่งอาการหหนักถึงขั้นอาละวาดกันบ้านแตกเลยทีเดียว

เนปจูนเจ้าเรือน 1 คือตัวเอง ส่วนพลูโตเจ้าเรือน 2 คือการหาเงิน ล้วนมีส่วนทำให้ชีวิตครอบครัวเดือดร้อน

ต่อไปคือเรือน 5 ปุตตะมีดาวแบคคัสสถิต ดาวแบคคัสนี้เป็นดาวแห่งสมบัติมาอยู่เรือน 5 คือมีสมบัติมีความมั่งคั่งเพราะการได้มาเกี่ยวข้องกับเด็ก ปุตตะเป็นเรือนแห่งบุตรเมื่อแบคคัสมาอยู่ตรงนี้จึงทำให้บุตร(ของเจ้าชะตา)เป็นผู้มีทรัพย์มาก 

แต่ก็ได้เคยเขียนถึงไปแล้วว่าเจ้าเรือนปุตตะนี้คือจันทร์ซึ่งไปสถิตเรือน 2 (คือได้ทรัพย์จากเด็กนักเรียน) เสียหายหนักมาก เพราะโดนกันตีจากทั้งราหูและเสาร์ ปุตตะในฐานะของบุตรของเจ้าชะตาจึงพังยับ เป็นตัวก่อเรื่องล้างผลาญสมบัติ

เรือน 6 อริมีพฤหัสสถิตอยู่ ถ้าเรามองอย่างสากลพฤหัสคือตัวแทยของโชค การขยายตัว ความเจริญก้าวหน้า เมื่อมาอยู่อริจึงหมายถึงการเจริญก้าวหน้าด้วยความเหน็ดเหนื่อย มีอุปสรรคมากเพราะอริเป็นเรือนอุปสรรค อีกมุมหนึ่งอริหมายถึงการต้องให้บริการผู้อื่น พฤหัสมาอยู่อริคือมีโชคจากงานที่ต้องให้บริการ มาเป็นแม่พิมพ์ของชาติก็ดูจะเหมาะสม

โหรตะวันออกมองพฤหัสว่าเป็นดาวที่บอกถึงภาวะคุณธรรมหรือภูมิปัญญาของคน ดังนั้นพฤหัสมาตกอริจึงอาจมองว่าเรื่องคุณธรรมหรือภูมิปัญญาของเจ้าชะตาก็ไม่น่าจะเท่าไหร่ก็ได้ หรืออาจมองว่ามักมีการขัดแย้งทางอุดมการณ์กับผู้อื่นก็ได้ และถ้ามองอริว่าหมายถึงการต้องให้บริการผู้อื่น พฤหัสอยู่อริคือการใช้ปัญญาของตนมาบริการผู้อื่น ก็คือการเป็นครูผู้ให้ความรู้นั่นเอง

เจ้าเรือนอรินี้คืออาทิตย์ไปอยู่วินาศน์ ถ้ามีศัตรูก็มักมีแบบหลบๆซ่อนลอบแทงข้างหลัง ความจริงดาวอาทิตย์ในดวงสตรีหมายถึงสามี สามีเป็นเจ้าอริแถมยังไปตกวินาศน์พื้นที่แห่งความทุกข์ใจ เห็นอย่างนี้ก็พอน่าจะรู้แนวแล้วว่าเรื่องคู่ชีวิตน่าจะไปทางไหน

ต่อไปเรือน 7 เรื่องคู่ครองไม่มีดาวสถิต เจ้าเรือนคือพุธไปอยู่ที่ลาภะ เรือนลาภะนี้เป็นเรือนของลาภลอย คือสิ่งที่ได้มาแบบง่ายๆ ไม่ต้องลงแรง บางทีไม่ต้องแม้แต่จะคิด อาจารย์บางท่านให้ความเห็นว่าสังคมสมัยนี้เรื่องคู่ถ้ามาตกลาภะแล้วไม่น่าจะดี เพราะหมายถึงได้กันง่ายแต่งกันเร็ว โอกาสพังมีสูง (คนโบราณบอกได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้า) ในทางดีคือมีคู่ครองนำโชคมาให้ แต่ สำหรับดวงนี้เมื่อดูตำแหน่อาทิตย์ประกอบก็ไม่น่าจะใช่อย่างหลัง

ที่เรือน 8 มรณะไม่มีดาวสถิต เจ้าเรือนคือดาวศุกร์ไปอยู่ที่เรือนลาภะล่วมพุธเจ้าเรือน 7 คู่ครอง เรื่องชีวิตจะไปดีได้อย่างไร

เรือน 9 ศุภะเรือนแห่งปัญญา การศึกษา ไม่มีดาว ส่วนเจ้าเรือนนี้คืออังคารไปอยู่เรือน 10 ซึ่งเป็นเรือนหน้าที่การงาน ตรงนี้ก็ชัดเจนดีว่าเหตุใดเจ้าชะตาจึงมาทำอาชีพเกี่ยวกับการศึกษา

มาที่เรือน 10 กัมมะซึ่งโดยทั่วไปกำหนดว่าเป็นเรือนของหน้าที่การงาน หรือตำแหน่งทางสังคม ในเรือนนี้มีอังคารและมฤตยูสถิต เราเอาแค่อังคารและมฤตยูมาผสมกันจะหมายถึงอุบัติเหตุ สิ่งที่ตนไม่คาฝัน บางทีเจ้าชะตาอาจจะมาจับงานด้านนี้แบบงงๆก็ได้ใครจะไปรู้ หรือจะแปลอังคารและมฤตยูว่าคืองานที่เต็มไปด้วยความเครียดก็ได้ อย่าลืมนี้เจ้าชะตาไม่ใช่ครูน้อย แต่เป็นระดับเจ้าของ นอกจากนี้ทั้งอังคารและมฤตยูในเรือน 10 นี้มีเนปจูนและพลูโตเล็งอยู่จากฝั่งตรงข้าม คอยจ้องทำลายอยู่ด้วย

เฉพาะดาวมฤตยูนี้เป็นเจ้าเรือนวินาศน์ทุกข์ใจ มาร่วมอังคารอย่างนี้ยิ่งบอกถึงความเครียดอย่างร้ายกาจของหน้าที่การงานของตน มองในทางดีวินาศน์คือการอยู่เบื้องหลัง ไม่ออกตัว เป็นท่านเจ้าของโรงเรียนคอยบริหารอยู่ฉากหลังจึงช่วยตรงนี้ไว้มาก ถ้ายังเป็นครูที่ต้องออกมาสอนเองหน้าชั้นมีหวังเส้นเลือดในสมองแตกตายก่อน

หรือถ้ามองอีกมุม อังคารดาวแห่งการลงมือทำ ความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่างๆ ถูกรุมบีบอยู่จากดาวร้ายตั้งสามดวง คือมฤตยู เนปจูน และพลูโต จะทำอะไรคงไม่ง่ายติดๆขัดๆ หนักเข้าพาลไม่อยากทำอะไรด้วยซ้ำ

ดาวพฤหัสเจ้าเรือน 10 ไปอยู่อริ ก็อย่างที่บอกว่าถ้าเรามองอริว่าคือการให้บริการผู้อื่นตรงนี้ก็จบไป

เรือน 11 ลาภะนั้นมีพุธและศุกร์สถิต เราเอาพุธศุกร์มารวมกันหมายถึงพูดเพราะ(แปลว่าว่าเด็กสาวและสวยก็ได้) โดยเบื้องต้นก็อาจจะทายว่าเจ้าชะตานั้นปากพาโชค ดาวศุกร์เป็นดาวตัวแทนของความรักโดยตรงมาอยู่ร่วมพุธคือมีความรักตั้งแต่ยังวัยสะรุ่น แต่อย่างไรก็ตามพุธคือเจ้าเรือน 7 และศุกร์เจ้าเรือน 8 ก็ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว 7+8 เรื่องคู่ถ้าไม่พลัดพรากก็ต้องทุกข์ใจ

ถ้ามองพุธและศุกร์ว่าคือวัย ก็คือช่วงวัยรุ่นและวัยสาว ก็คือช่วงวัยลาภะเป็นขาขึ้นของชีวิต ซึ่งก็คงต้องเป็นอย่างนั้นบั้นปลายถึงเป็นเจ้าของโรงเรียนได้ โปรดสังเกตุว่าดาวชุดนี้มีอโพลอนเล็งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย

เจ้าเรือน 11 คือดาวเสาร์ไปอยู่ร่วมลัคน์ก็คือเป็นผู้แสวงหาลาภผลด้วยตนเอง และเนื่องจากเป็นเสาร์เพราะฉะนั้นถ้าไม่เป็นครูก็ต้องเหนื่อยซักหน่อย

ในที่สุดก็มาถึงเรือน 12 (ยาวมาก 5555) เรือนวินาศน์ มีอาทิตย์ร่วมเกตุไทยสถิตอยู่ เฉพาะอาทิตย์นี้เราตีความหมายได้มาก โหรสมัยก่อนท่านว่าทายยศทางศักดิ์ให้ทายอาทิตย์ ดังนั้นถ้าอาทิตย์คือตัวแทนของเกียรติในสังคมต้องต้องบอกว่าไม่มาก ถึงมีก็แค่บางช่วง ดีไม่ดีพาลจะไม่มีเอาเลย ยิ่งอาทิตย์มาอยู่ตรงนี้เป็นปรเกษตรด้วยยิ่งอ่อนกำลัง ถ้ามองอาทิตย์เป็นกายสังขารก็คือจริงๆ แล้วเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ไปสุงสิงกับใคร (แต่ใครจะบุกมาสุงสิงด้วยนี่อีกเรื่องนึง ซึ่งก็ทำให้ทุกข์) 

ถ้าเรามองอาทิตย์ว่าเป็นสามีเพราะเจ้าชะตาเป็นผู้หญิงคือจันทร์ อาทิตย์ร่วมเกตุไทยคือสามีด้อยกว่าตน หรือมีลักษณะประหลาดๆไม่เหมือนชาวบ้าน จะให้ทายว่าเป็นคนต่างชาติก็ยังได้ ตรงนี้มันต้องดูบริบท 

และการที่อาทิตย์มาอยู่วินาศน์ก็ชัดเจนว่าทุกข์ใจเรื่องนี้ แต่ถ้าสามีเป็นคนเก็บตัว ไม่เปิดเผยตัว คล้ายๆจะเป็นสามีลับๆ มันก็อาจจะดีกว่า  

ความจริงทั้งอาทิตย์และเกตุมาตกราศีมีนตรงนี้แย่ทั้งคู่ อาทิตย์เป็นปรเกษตร ส่วนเกตุเป็นนิจจ์

และท้ายที่สุดคือเจ้าเรือน 12 ซึ่งคือเนปจูนไปอยู่ที่เรือน 10 ร่วมอังคาร ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าทำงานอยู่เบื้องหลังเป็นผู้บริหารก็ถูกเรื่องแล้ว ออกมาฉากหน้าเมื่อไหร่เป็นพังเมื่อนั้น

โอ้ย จบซะที 555555