วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ดวงมรณะกรรม

ดวงมรณะกรรมนั้นโดยมากจะวนๆอยู่แถว MA กับ SA อาจจะมีดาวอื่นๆ เข้ามาร่วมบ้างเช่น UR, NE, HA, AD หรือ PO ก็แล้วแต่กรณีไป โดยอาจจะปรากฏอยู่ในจรโค้งหรือจรปัจจุบันก็อีกเรื่องหนึ่ง

ดวงชะตานี้ได้มาจากหนังสือโหราศาสตร์ศึกษาด้วยตนเอง ของอาจารย์ คุณหญิงชิต โทชากร ท่านว่าเจ้าชะตาเกิด 26/04/2436 10.20 โดยเสียชีวิตเมื่อ 27/12/2488 01.30 ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้นไม่ได้แจ้งไว้ 

โปรแกรมคำนวณว่า เจ้าชะตาเสียชีวิตเมื่ออายุ 52 ปี 8 เดือน 1 วัน ค่าโค้งอายุคือ 50 องศา 38 ลิปดา 48 ฟิลิปดา

ในช่วงเวลาที่เสียชีวิตนั้น แกน SA โค้งกำลังทำุมถึง AS, SU นอกจากนี้ยังมี NO ในมุมอ่อน แค่แกนนี้แกนเดียวถึงจุดเจ้าชะตาไปแล้วครึ่งนึง ส่วนแกน NE โค้งนั้นถึง SA หรือถ้าไปดูกันที่แกน HA จะพบว่าถึงแกนเมษและ VU ในมุมอ่อน

PO นั้นมักเข้ามาเกี่ยวในเรื่องมรณะกรรมของผู้คน ก็ปรากฏว่าแกน PO โค้งนั้นถึง MC, MA, AD นอกจากนี้ยังมี HA ในมุมอ่อน

เราไปดูแกนที่เป็นศูนย์รังสีกันบ้าง จะพบว่า MA/SA (แปลว่ามรณะ)ในดวงโค้งถึง MO และ PO พอดี นอกจากนี้ยังถึง MA ในมุมอ่อน ส่วน MA/SA ในดวงจรปัจจุบันก็ถึง MO และ PO เช่นกัน เรียกว่าเป็น MA/SA ยกกำลังสองมาเลยก็ว่าได้

หรือถ้าจะลองตั้งแกนที่ MA+SA-NO ซึ่งเป็นมรณะสูตรที่ใช้บ่อยๆ ก็จะพบว่าถึง MA, AD ในมุมอ่อน ความจริงยังถึง AD ในดวงจรปัจจุบันด้วย

คราวนี้ลองไปดูที่จุด MP ซึ่งเป็นจุดที่มักใช้ในการพยากรณ์รายวัน จะพบว่าจุด MP ของวัน(ที่เสียชีวิต)นั้นกำลังถึง MA, UR, ZE ในดวงจรปัจจุบัน ถึง UR, PL ในดวงโค้ง และถึง NO, SA, VU ในดวงกำเนิด

ลำพังแค่ NO, MA,  SA ก็ครบองค์ของมรณะสูตรแล้ว ไหนจะมี UR, PL, VU เข้ามาซ้ำอีกอีกเยอะแยะ 

ความจริงในแกน MP นี้ถ้าดูลงไปในระดับศูนย์รังสี โดยเฉพาะในดวงกำเนิดเราจะพบกับศูนย์รังสีร้ายที่สามารถเอามาตีความหมายไปในทางมรณะกรรมได้อีกมากมายพอสมควรเลยทีเดียว

คืนนี้หยิบดวงนี้ขึ้นมาเขียนเป็นบทความก็เพราะรู้สึกว่าเป็นดวงที่น่าสนใจ เรียกว่าหันไปทางไหนก็เจอโครงสร้างที่เกี่ยวข้องเต็มไปหมด จึงเป็นดวงที่เหมาะมากดวงนึงสำรับนำมาใช้เป็นดวงครูสำหรับเรื่องนี้


วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

อุบัติเหตุบ่อย ปีเดียวรถชนกันไปตั้ง 2 รอบแล้ว

ดวงนี้เจ้าชะตาเป็นผู้หญิง ถามว่าทำไมช่วงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก รถชนกันไปตั้ง 2 รอบแล้ว

เรื่องอุบัติเหตุนั้นโดยทั่วไปนึกอะไรไม่ออกก็ต้องเริ่มกันที่มฤตยูก่อน

ดวงนี้พิจารนาดวงโค้งอายุของปีนี้ จะเห็นว่าแกนมฤตยูโค้งกำลังถึงราหู อังคาร เนปจูน และโพไซดอน ในดวงกำเนิด เฉพาะ อังคาร/มฤตยู ก็แปลกันตรงๆ ว่าอุบัติเหตุอยู่แล้ว ยิ่งมีราหูที่เป็นจุดเจ้าชะตามาร่วมก็ยิ่งชัดเจนว่าโดนแน่ๆ 

ส่วนโพไซดอนนี่ เอาตรงๆ น่ากลัว

นอกจากนี้ถ้าดูที่ดวงจรทรานสิต ก็จะพบว่ามฤตยูจรขณะนี้ก็กำลังทำมุมถึงจันทร์กำเนิด โดยจันทร์นั้นถือว่าเป็นจุดเจ้าชะตาสำคัญโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง

เรียกว่าขณะนี้จุดเจ้าชะตาโดนมฤตยูถล่มอยู่สองจุด ทั้งมฤตยูจริงมฤตยูโปรเกรส ดังนั้นที่ว่าช่วงปีนี้เกิดอุบัติเหตุใหญ่บ่อยก็เลยไม่แปลกในแง่ของโหราศาสตร์

หรือถ้าเราไปตั้งต้นกันที่แกน อังคาร/มฤตยู ที่แปลว่าอุบัติเหตุโดยตรง เราก็จะพบว่ามันทำมุมถึงราหู คิวปิโด และพุธ ในดวงกำเนิด นอกจากนี้ก็ยังมีฮาเดสในดวงจรทรานสิต เฉพาะพุธนั้นความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเกี่ยวกับการเดินทางแน่ๆ ส่วนคิวปิโดก็ครอบครัว เป็นหมูคณะ มีคนอื่นอยู่ด้วยขณะเกิดเหตุ ไม่ได้โดนอยู่คนเดียว

หรือถ้าไปตั้งแกน จันทร์/พุธ ที่แปลว่ารถยนต์ ในดวงโค้ง เราจะพบว่าศูนย์รีในดวงกำเนิดที่เข้ามาทำมุมด้วยนั้นมันมีแต่ร้ายเสียมากกว่าดี เช่น อาทิตย์/มฤตยู จันทร์/แอตเมตอส อังคาร/พลูโต เสาร์/อโพลอน เสาร์/วัลคานุส ฮาเดส/อโพลอน ฮาเดส/วัลคานุส เป็นต้น

อย่างดวงนี้เจ้าชะตาถามว่าเมื่อไหร่อะไรแบบนี้ (หมายถึงอุบัติเหตุบ่อย) จะจบลงเสียที เราก็ต้องตามไปดูโครงสร้างพวกนี้จะคลายตัวตอนไหน มันคลายออกตอนไหนก็ตอนนั้นจะพ้น แต่อย่างไรก็ตาม ดวงนี้ถ้าย้อนกลับไปดูพื้นชะตา จะพบว่ามฤตยู (เสาร์ และฮาเดส) เขาถึงลัคนาอยู่แล้ว โอกาสจะเกิดอุบติเหตุในชีวิตความจริงก็มากกว่าชาวบ้านเขาเป็นทุนอยู่แล้ว ข้อนี้ต้องระวังให้มาก

ทั้งหมดที่เขียนๆ มานี้ เราเอาอุบัติเหตุเป็นตัวตั้ง พอสืบย้อนกลับไปในดวงชะตาแล้วพบโครงสร้างที่สอดคล้องตรงกันก็อาจจะรู้สึกว่าง่ายจริงๆ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราไม่ได้รู้มาก่อน ไม่ได้มีการตั้งประเด็นคำถามในแง่มุมนี้ บางทีเราอาจจะข้ามแกนเหล่านี้ไป ก็เลยมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

ไม่ใช่ว่าดวงชะตาไม่บอก แต่เรานี่แหละมองข้ามไป

ถามว่าความยากยูเรเนี่ยนอยู่ตรงไหน ก็ต้องบอกว่าอยู่ตรงนี้แหละ เพราะมีแกนอะไรต่อมิอะไรให้เราสามารถตั้งถามดวงชะตาได้เยอะแยะนับได้เป็นพันๆ แกน

เรื่องนี้ประสบการณ์จะช่วยได้มาก รวมไปถึงการคุยกันระหว่างคนฟังกับคนทายด้วย

มึงไม่เล่า ไม่ถาม กูก็ไม่รู้จะตอบอะไรนะเว้ยเฮ้ย อะไรประมาณนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ยามอุบากอง

วันก่อนโน้นกดแชร์เรื่องยามอุบากองไปแหม็บๆ วันนี้เปิดหนังสือนอนอ่านพลิกไปพลิกมาก็มาเจอกับยามอุบากองอีก(แล้ว) ก็เลยถือโอกาสนี้ยกเอาเรื่องนี้มาเขียนบ้างก็แล้วกัน

โบราณท่านว่า

“ศูนย์หนึ่งอย่าพึงจร …… แม้ราญรอนจะอัปรา

ศูนย์สองเร่งยาตรา …… จะมีลาภสวัสดี

ปลอดศูนย์พูลสวัสดิ์ …… ภัยพิบัติลาภบ่มี

กากบาทตัวอัปรีย์ …… แม้จรลีจะอันตราย

สี่ศูนย์จะพูนผล …… จรดลลาภมากมาย

ฤกษ์ดีและฤกษ์ร้าย …… ใช้ดูได้ดั่งใจจง”

(ดูภาพประกอบตามไปด้วย)

ตำรายามอุบากองนั้น เป็นตำราสำหรับหาฤกษ์ยามแบบง่ายๆ มีจุดประสงค์การใช้ที่สำคัญอยู่ 2 ประการคือ “ใช้หาเวลาดีสำหรับเดินทางหรือเริ่มกระทำการใดๆ” หรือใช้ดูว่า “เหตุการณ์ดีหรือร้ายในแต่ละวันจะเกิดเวลาไหน”

ในตารางที่เห็น ส่วนแนวนอนที่เขียนว่า 1 ค่ำ 2 ค่ำนั้น หมายถึงวันขึ้นแรมตามจันทรคติ (เช่นขึ้น 1 ค่ำหรือแรม 1 ค่ำก็ได้) จะสังเกตว่ามีสุดเพียงแค่ 5 ค่ำเท่านั้น ดังนั้นถ้าวันที่เราจะทายมันเลย 5 ค่ำไปแล้วก็จะต้องเอา 5 ไปหาร เหลือเศษเท่าไหร่ก็นั่นแหละคือที่เราจะต้องใช้

เช่นสมมุติว่าวันนี้ เป็นวันแรม 6 ค่ำ มันเกิน 5 ไปแล้ว เราต้องเอา 5 ไปหารก็จะเหลือเศษ 1  เพราะฉะนั้นก็ให้ใช้แถว 1 ค่ำเป็นเกณฑ์สำหรับวันนี้ เป็นต้น

ต่อมาแถวแนวตั้ง ก็คือช่วงยามใน 1 วันนั่นเอง คนถามกี่โมงก็ให้ใช้ช่วงยามไปตามนั้น

สมมุติมีคนถามว่า “วันนี้ซัก 2 ทุ่มจะเดินทางใกลจะดีหรือไม่” 

 เราก็ดูปฏิทิน (สมัยนี้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา search ใน Google ก็ได้) สมมุติว่าเป็นวัน แรม 1 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู 

เราดูในตาราง 1 ค่ำตอน 2 ทุ่ม จะเห็นว่าได้ 4 จุด 

ตำราท่านว่า “สี่ศูนย์จะพูนผล …… จรดลลาภมากมาย” ก็แสดงว่าฤกษ์ดี สมควรแก่การเดินทาง อะไรประมาณนี้แหละครับ


#VintageStyle