วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

" ambiguity "


เมื่อหนึ่งปัจจัยสามารถแปลความหมายและทำนายออกมาได้หลายคำตอบ .... และเมื่อหนึ่งคำตอบสามารถมาเกิดได้จากหลายปัจจัย

นี่เป็นเรื่องปรกติที่เกิดสำหรับวิชาโหราศาสตร์ทุกแขนง

วิธีการที่มากมายต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำทำยายเหล่านั้นอาจจะสรุปได้ว่ามีเรื่องหนึ่งที่สอดคล้องต้องกันหมดทุกสำนักวิชานั่นก็คือ

"ความคลุมเครือ"


ไม่มีคำทำนานใดชัดเจน ไม่ปัจจัยคำทำนายใดมีความหมายเพียงหนึ่งเดียว ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่คลุมเครือตีกความหมายได้มากกว่า 1 เสมอ

ดังนั้นการทำนายทางโหราศาตร์ไม่ว่าจะด้วยเครื่องมือ(หลักวิชา)ใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นการค้นหาคำตอบเอาจากความคลุมเครือทั้งสิ้น

และคุณสมบัติพิเศษประการหนึ่งของความคลุมเครือก็คือการกระตุ้นให้จิตวิญญาณ(ผลจากการทำงานของสมองและระบบประสาท) ของเราทำงาน

เพราะเราไม่อาจรู้แน่ชัด เราจึงจำเป็นต้องค้นหาคำตอบและต้องได้มาซึ่งคำตอบ

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องอยู่พ้นกรอบพื้นที่ของเหตุผล(การรู้สำนึก)

ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนเคื่องมือที่กระตุ้นให้สัญาณชาติญาณส่วนลึกที่แฝงเร้นอยู่ภายในจิตวิญญาณ(จิตใต้สำนึก)ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่ค้นหาคำตอบในภาวะที่จิตแห่งเหตุผล(จิตรู้สำนึก)มิอาจได้มาซึ่งคำตอบ

ความจริงมนุษย์เราทุกคนความสามารถในการคาดการณ์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต (Future Planning) อยู่ภายในตัวตนอยู่แล้ว

เรามีกลไกนี้อยู่เพื่อการมีชีวิตรอดและการได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ ยิ่งคาดการณ์ได้แม่นยำเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสอยู่รอดได้มากกว่า และก็ยิ่งมีโอกาสได้รับสิ่งที่ต้องการสูงกว่า

ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า ความสามารถในการ Future Planning จึงมีส่วนร่วมต่อความสำเร็จของบุคคลผู้ประสบความสำเร็จทุกคนอยู่เสมอ (ไม่มากก็น้อย)

เพราะคาดการณ์ได้ว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า จึงรู้ว่าควรหรือไม่ควรที่จะทำอะไรในปัจจุบัน เปรียบเสมือนคนเดินทางใกลที่มีพร้อมทั้งแผนที่และเข็มทิศย่อมได้เปรียบกว่าคนที่เดินไปตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ

ความจริงแล้วโหราศาสต์ก็เหมือนแผนที่และเข็มทิศที่ว่านั้น เพียงแต่ว่าเข็มทิศที่เรียกว่าโหราศาสตร์นั้นดูเหมือนจะคลุมเครืออยู่ซักหน่อย

ซึ่งเราจำเป็นต้องอาศัยความคลุมเครือของแผนที่ฉบับคลุมเครือนี้เป็นเหยื่อล่อในการกระตุ้นให้แผนที่ฉบับชัดเจนกว่าให้สำแดงตนออกจากที่ซ่อนภายในจิตใต้สำนึกของผู้คน

😄

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น