มีวิธีง่ายกว่าจำตัวเลขเรือน
การสะท้อนของ Witte จะเป็นการสะท้อนบนแกนมุมฮาร์โมนิคที่ 8 ทั้งหมด
เรือนอาทิตย์ สะท้อนแกน 0 องศา จากอาทิตย์
เรือนเมอริเดียน,จันทร์ สะท้อนแกน 90 องศา จากเมอริเดียน,จันทร์
เรือนลัคนา,ราหู สะท้อนแกน 45 องศา จาก ลัคนา,ราหู (2 สะท้อน 2, 8 สะท้อน 8)
เรือนเมษ สะท้อนแกน -45 องศา จากเมษ (กุมภ์ สะท้อน กุมภ์, สิงห์ สะท้อน สิงห์)
แต่ถ้ายังรู้สึกยากไป มีวิธีง่ายกว่า
ตั้งเรือนจุดเจ้าชะตา(อะไรก็ได้)ก่อนเป็นอันดับแรก ดาวเคราะห์(ที่ไม่ใช่จุดเจ้าชะตา) อยู่เรือนไหน ? ให้หมุนไปตั้งเรือนดาวนั้น ๆ (ใช้จุด Index อาทิตย์ตั้งเรือนดาวเคราะห์) จุดเจ้าชะตาตั้งต้นจะอยู่ในเรือนคู่สะท้อน
เช่น ตั้งเมอริเดียน ศุกร์อยู่เรือน 2 หมุนไปตั้งเรือนศุกร์ เมอริเดียนอยู่เรือน 11 (เรือนเมอริเดียน 2 สะท้อน 11)
ตั้งราหู พฤหัสอยู่เรือน 1 หมุนไปตั้งพฤหัส ราหูอยู่เรือน 3 (เรือนราหู 1 สะท้อน 3)
-------------------------------
หมายเหตุ 1 : พอเข้าใจแบบนี้ วิธีการอ่านเรือนสะท้อนของยูเรเนียน จะคล้าย ๆ ทฤษฎีเรือนชะตาอนุพันธุ์ (Derivative Houses) ของโหราศาสตร์สากล อ่านดาวผสมดาว+เรือนผสมเรือน
-------------------------------
หมายเหตุ 2 : การกำหนดเรือนของ Witte (คหสต.) สันนิษฐานว่ายึดแก่นปรัชญาของเรื่องการสะท้อนของราศี Antiscia และ Contra-Antiscia เพราะเป็นการเติมให้เต็มของธาตุ และลำดับศักดิ์อย่างลงตัว
เช่นแกน Antiscia ราศีกรกฎ (น้ำ,ต้นธาตุ) สะท้อน ราศีมิถุน(ลม,ปลายธาตุ) / ราศีสิงห์ (ไฟ,กลางธาตุ) สะท้อน ราศีพฤษภ (ดิน,กลางธาตุ) ฯลฯ
แกน Contra-Antisica ราศีเมษ (ไฟ,ต้นธาตุ) สะท้อน ราศีมีน (น้ำปลายธาตุ) / ราศีพฤษภ (ดิน,กลางธาตุ) สะท้อนราศีกุมภ์ (ลม,กลางธาตุ) ฯลฯ
สรุปง่าย ๆ คือ เอาธาตุไม่เกื้อหนุนกัน และลำดับความแรงธาตุที่ต่างกันมาเติมเต็ม (ธาตุแรง+ธาตุอ่อน,ธาตุกลาง+ธาตุกลาง) เป็นเรื่องของการเติมให้เต็มเพื่อนำไปสู่ความสัมบูรณ์ (หรือสมดุล) คล้าย ๆ ปรัชญาทวิภาคที่ปรากฏในหลายวัฒนธรรม เช่นหยิน-หยาง,บวก-ลบ, ชาย-หญิง
-------------------------------
หมายเหตุ 3 : ถ้าค้นหาประวัติโดยทั่วไปของเรื่อง Antiscia และ Contra-Antiscia ส่วนใหญ่จะเจอแบบหลายที่มา หลายตำนาน บ้างก็ว่ามาจาก Counter Degree บนจักรราศี ของช่วงระยะเวลากลางวัน-กลางคืน
( คู่วันที่ อาทิตย์ สะท้อนองศาบนแกน Antiscisa จะมีกลางวันยาวนานเท่ากันทั้งคู่ รวมถึงกลางคืนก็จะยาวเท่ากันทั้งสองวัน / คู่วันที่ อาทิตย์ สะท้อนองศาบนแกน Contra-Antiscisa กลางวันของวันหนึ่ง จะยาวเท่ากับกลางคืนของอีกวันหนึ่ง)
และก็สันนิษฐานว่าคนโบราณน่าจะคิดทฤษฎีสะท้อนกันมาตั้งแต่สถาปนารูปจักรราศีแล้ว (คือมันลงตัวหมด ทั้งราศี ระบบธาตุ และ คุณะ)
แกนสะท้อนหลัก ๆ แบบ Classical Astrology มี 2 แกน (0 องศา, 90องศา) พอมาเป็นเรือนชะตา Witte จะมีเพิ่มการสะท้อนที่ 45 องศา
**เรื่อง Counter Degree สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้อีกในเรื่องโค้ง V1, V2**
-------------------------------
หมายเหตุ 4 : ถ้านำแนวคิดในหมายเหตุ 2 มาพิจารณาการกำหนดเรือนชะตาของ Witte จะสอดคล้องและมีน้ำหนักมากที่สุด เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้งในความหมายของเรือน และ จุดเจ้าชะตา มันจะมีลักษณะตรงข้ามกันทั้งหมด ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ (ดูมีความตั้งใจเกินกว่าจะบังเอิญ)
เช่น อาทิตย์ ที่แปลว่าผู้ชาย, สามี, บิดา ถูกนำไปเป็นจุดตั้งต้นในเรือนที่ 4 ที่สามารถแปลว่า มารดา บ้าน ครอบครัว
จันทร์ ที่แปลว่า ผู้หญิง, ภรรยา, มารดา ถูกนำเป็นจุดตั้งต้นในเรือนที่ 10 ที่แปลว่า บิดา สถานภาพชีวิต ผู้ปกครอง(ในวัยเด็ก)
ราหู ที่แปลว่า ความสัมพันธ์ หรือคนสนิทที่ผูกพันธ์ (ตามเซนส์โดยทั่วไปมันควรจะเป็นเรือนที่ 7) ถูกนำไปเป็นจุดตั้งต้นของเรือนที่ 1
เมษ ที่แปลว่า ใด ๆ ในโลก สาธารณชน สิ่งรอบตัวที่ไม่ได้ผูกพันธ์ลึกซึ่ง (เทียบได้กับเรือนที่ 1) ถูกนำไปเป็นจุดตั้งต้นของเรือนที่ 7
ส่วนเรื่อง เมอริเดียน&ลัคนา คงสภาพเรือนไว้ตามกลไกท้องฟ้าปกติ คือเรือนที่ 10 และ 1 ตามลำดับ
-------------------------------
หมายเหตุ 5 : อ.ประยูร เคยกล่าวถึงปรัชญาการเติมเต็มของ วิทยาศาสตร์, ศาสนา, ศิลปะ ไว้ดังนี้
วิทยาศาสตร์ คือ กาย + วิญญาณ (ละเอียดปานกลาง) แสวงหา จิต
ศาสนา คือ จิต + วิญญาณ (ละเอียดสุด) แสวงหา กาย
ศิลปศาสตร์ คือ กาย + จิต (หยาบสุด) แสวงหา วิญญาณ
อ่านแล้ว ค่อนข้างสอดคล้องกับปรัชญาสะท้อน Antisicia, Contra-Antiscia มาก ๆ
-------------------------------
หมายเหตุ 6 : ทฤษฎีเรือนของ Witte หลายอย่างยังคงเป็นปริศนา เพราะไม่หลงเหลือเอกสารอ้างอิงใด ๆ เลย ในการกำหนดปรัชญาสะท้อนของเรือนชะตาแบบนี้
ขนาดเอกสาร 41 หน้า Meaning of the planets in the houses (The theory of the houses according to Witte) โดย Ludwig Rudolph ก็บอกแต่วิธีใช้ แต่ไม่บอกปรัชญาที่มาที่ไปแบบที่ผมกล่าวไว้ในหมายเหตุเลย
ส่วนใหญ่เป็นข้อสังเกตส่วนตัวของผม และคำบอกเล่าจาก อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย ในคลาสเรียน ซึ่งถ่ายทอดมาจาก อ.ประยูร อีกที แต่ไม่ได้เขียนไว้เป็นทฤษฎีทั่วไป (อ.ประยูร เสียชีวิตก่อนจะเขียนเสร็จ)
ซึ่งก็คาดว่า อ.ประยูร ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจาก Ludwig และ Witte เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นที่ผมเขียน ใช้เป็นข้อสังเกตุได้ ประยุกต์ใช้งานได้ (ในการมองภาพการสะท้อน ไม่ต้องจำตัวเลข) แต่อย่ายึดเป็นทฤษฎีเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ยังมีช่องว่างให้อีกหลายคนไปค้นคว้าต่อได้
ป.ล. ลองเอาตัวเลขคู่เรือนสะท้อนของเรือนจุดเจ้าชะตาแต่ล่ะแบบมาบวกกันสิ แล้วจะเจอความมหัศจรรย์ทางคณิตศาสตร์
-------------------------------
เขียนบทความโดย : Peerintiwat Intra-nog
-------------------------------
ขอบคุณท่านเจ้าของบทความนี้มากครับ
:)